Last updated: 23 เม.ย 2565 | 7988 จำนวนผู้เข้าชม |
สงสัยกันไหม? ทำไมหลังทำศัลยกรรมไปแล้ว และดูแลตัวเองอย่างดี (ยืนยันจริงๆว่าดูแลดี) ยังเกิดปัญหาขึ้นมาได้? แผลไม่หาย แผลอักเสบ แผลเน่า แผลเป็นนูน คีลอยด์ใหญ่ บวมนาน เพื่อนผ่าตัดไปแล้วไม่เห็นเป็นอะไรเลย แล้วทำไมแผลเราไม่หายสักทีนะ ฯลฯ ยังมีหนึ่งสาเหตุที่เป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด หมอหลุยส์อยากให้ลองถามตัวเองว่า “คุณสูบบุหรี่หรือไม่?”
“บุหรี่” ได้รับการยืนยันทางการแพทย์แล้วว่ามีผลต่อการฟื้นฟูสภาพของบาดแผล ทำให้แผลหายช้า เพิ่มอัตราการอักเสบ ติดเชื้อ มีผลต่อทุกแผลไม่ว่าจะเป็นบาดแผลชนิดใดๆก็ตาม เช่น แผลอุบัติเหตุ แผลพุพอง แผลแมลงสัตว์กัดต่อย และ แผลที่เกิดจากการทำศัลยกรรมทุกประเภท!!
สารนี้มีผลให้หลอดเลือดตีบตัว เลือดไหลไปหล่อเลี้ยงที่แผลช้าและน้อย เลือดก็จะนำออกซิเจน สารอาหารไปเลี้ยงแผลได้น้อยเช่นกัน ทำให้เนื้อเยื่อตาย หรือหายช้า นิโคตินทำให้เกล็ดเลือดจับตัวแน่นกันเกินไป ไปอุดหลอดเลือดฝอย เลือดเดินทางได้ช้าเข้าไปอีก ยังไม่พอนิโคตินยังไปขัดขวางการทำงานเซลล์อื่นๆ เช่น เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และ เซลล์ไฟโบรบลาส ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการสร้างความแข็งแรงตอนฟื้นฟูแผล
ก๊าซตัวเดียวกันในท่อไอเสียรถยนต์ ก๊าซนี้จะขัดขวางกระบวนการขนส่งออกซิเจนของเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
สารนี้จะไปยับยั้งระบบเอนไซน์ กระบวนการฟื้นฟูแผลระดับเซลล์
ในบุหรี่ยังมีสารอันตรายต่อสุขภาพอีกมากมายมากกว่า 50 ชนิดแต่ 3 ชนิดที่กล่าวไปมีผลต่อการฟื้นฟูบาดแผลโดยตรง แล้วต้องทำอย่างไร? แน่นอนครับ หมอแนะนำให้หยุดบุหรี่ก่อนผ่าตัด แต่ว่าให้หยุดนานเท่าไหร่ดี หมอหลุยส์แนะนำให้หยุดก่อนอย่างน้อย 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน หรือนานกว่านั้นยิ่งดีเพื่อให้ร่างกายขจัดสารนิโคตินออกให้มากที่สุด หยุดบุหรี่มาก่อนผ่าตัดแค่ 2-3 วันไม่ได้นะครับ น้อยเกินไป และหลังผ่าตัดก็ห้ามสูบจนกว่าแผลจะหายดี เอาจริงๆให้เลิกสูบไปเลยดีกว่าครับ
Ref Smoking and wound healing Am J Med 1992
“ทำศัลยกรรมไม่มีใครอยากให้เกิดปัญหาทั้งหมอและตัวคนไข้เอง เราต้องช่วยกันป้องกันทั้งสองฝ่าย การงดบุหรี่ก่อนผ่าตัดก็เช่นกันครับ หมอรู้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่เราต้องพยายามนะ ถ้าอยากสวยอย่างปลอดภัย”
บทความโดย
บทความที่เกี่ยวข้อง
คำถามที่ผู้หญิงอยากรู้ ทำนมแล้วให้นมบุตรได้ไหม?
เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อคืออะไร? (กันแน่) วันนี้หมอจะมาอธิบายให้ฟัง